คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเที่ยวญี่ปุ่น

ไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ต้องขอวีซ่าแล้วอยู่ได้กี่วัน / ต้องแสดงเอกสารอะไรบ้างเมื่อถึงสนามบิน

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทยที่มีวัตถุประสงค์ท่องเที่ยวและพำนักที่ประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม พ.ศ.2556

เอกสารที่ควรนำติดตัวไปเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ญี่ปุ่น
(หากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้ร้องขอ ไม่ต้องแสดง)

  1. ตั๋วเครื่องบินขาออกจากประเทศญี่ปุ่น
  2. สิ่งที่ยืนยันว่าท่านสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่พำนักในประเทศญี่ปุ่น (เช่น เงินสด บัตรเครดิต เป็นต้น)
  3. ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ระหว่างที่พำนักในประเทศญี่ปุ่น (เช่น คนรู้จัก โรงแรม และอื่นๆ)
  4. กำหนดการเดินทางระหว่างที่พำนักในประเทศญี่ปุ่น

รายละเอียดทั้งหมด ดูที่นี่ http://www.th.emb-japan.go.jp/th/jis/2013/1321-2.htm

*** หมายเหตุ หากท่านเดินทางเข้าญี่ปุ่นด้วยจุดประสงค์อื่นนอกเหนือจากการท่องเที่ยว ท่านยังคงต้องดำเนินการขอวีซ่าตามปกติ และหากท่านต้องการพำนักในญี่ปุ่นนานกว่า 15 วัน ท่านต้องขอวีซ่า ***

เที่ยวด้วยตัวเองที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ควรเริ่มอย่างไรดี

เริ่มจากการอ่านข้อมูลจากเอกสาร “เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง” ที่นี่
(ไฟล์ PDF) https://www.jnto.or.th/wp-content/uploads/2015/12/travel_japan_yourself.pdf

ภายในเอกสารให้ข้อมูลเตรียมตัวท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ช่วยคุณวางแผนตั้งแต่ 60 วันก่อนเดินทาง

  • จุดหมายการเดินทาง/ช่วงเวลาการเดินทาง
  • วิธีการเดินทางภายในประเทศญี่ป่น
  • การจองเครื่องตั๋วเครื่องบิน/ที่พัก/การตรวจคนเข้าเมือง
  • การเลือกพาสในการใช้งาน/สภาพอากาศและการแต่งกาย

การจองที่พักต้องทำอย่างไร หาแบบไหนดี และดูอย่างไรว่าใกล้สถานทีที่ไหน

คุณสามารถจัดจองที่พักโดยใช้บริการผู้ประกอบการธุรกิจทัวร์ที่คุณไว้ใจ

หากคุณเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง คุณสามารถจองที่พักทางเว็บไซต์ของโรงแรมโดยตรง หรือผ่านเว็บไซต์ผู้ให้บริการจัดจองโรงแรม อย่างไรก็ตาม ควรอย่างยิ่งที่จะจองที่พักก่อนวันเดินทาง เนื่องจากที่พักที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเต็มตลอดทั้งปีโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ควรดูข้อมูลโดยละเอียด เช่น ชื่อที่พัก ข้อมูลที่ตั้ง การเดินทางสถานีที่ใกล้ที่สุด จำนวนคนพัก และบริการต่างๆของโรงแรมให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ

ดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของ JNTO
http://www.jnto.go.jp/eng/arrange/accomodations/index.html

หาที่พักที่มีให้บริการโดยทั่วประเทศ

http://www.jnto.go.jp/ja-search/eng/index.php

http://www.japanican.com

http://travel.rakuten.com

http://www.j-hotel.or.jp/english/

พักโรงแรมเรียวคังทั่วญี่ปุ่น
http://www.ryokan.or.jp/lang/th/

โรงแรมเรียวคังเป็นอย่างไง

เรียวคัง (Ryokan) เป็นที่พักสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์พักโรงแรมแบบญี่ปุ่น โดยทั่วไปเรียวคังจะมีอนเซ็นหรือบ่ออาบน้ำรวมแบบญี่ปุ่นให้บริการ

ที่พักโรงแรมเรียวคังทั่วญี่ปุ่น
http://www.ryokan.or.jp/lang/th/

ข้อมูลเกี่ยวกับเรียวคังและวิธีการแช่ออนเซ็น (ภาษาไทย)
https://www.jnto.or.th/newsletter/onsen-ryokan/

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเรียงคังและลิงค์ไปเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง (ภาษาอังกฤษ)
http://www.jnto.go.jp/eng/arrange/accomodations/ryokan.html

ใช้ตู้ล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าเดินทางอย่างไร

ตู้ล็อคเกอร์ส่วนใหญ่มีกำหนดวันฝากสูงสุดได้ 3 วัน นับ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 24:00 – 24:00 นาฬิกาของอีกวัน แต่ขนาดของล็อกเกอร์และราคาอาจมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานี เช่น สถานีใหญ่อาจจะมีล็อกเกอร์ขนาดใหญ่

วิธีใช้ล็อคเกอร์โดยละเอียด (ภาษาไทย)
https://www.jnto.or.th/newsletter/locker/

ใช้บริการขนส่งกระเป๋าอย่างไร

การใช้บริการขนส่งกระเป๋าระหว่างโรงแรมกับสนามบิน รวมทั้งระหว่างโรงแรมกับโรงแรมจะทำให้การท่องเที่ยวสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ใช้บริการส่งกระเป๋าของบริษัทต่างๆ เช่น

โดยบริษัทต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นจะมีเคาน์เตอร์อยู่ในสนามบิน

จะใช้บริการนี้อย่างไร ?

  1. หากคุณอยู่ที่โรงแรม ให้สอบถามพนักงานดูแลกระเป๋า (Bell Desk) หรือพนักงานโรงแรม แต่หากคุณอยู่ในสนามบิน ให้ไปที่เคาน์เตอร์บริษัทขนส่งกระเป๋า
  2. เช็คอินกระเป๋าเดินทางของคุณ โดย เตรียมที่อยู่ เบอร์โทรปลายทาง เลือกวัน-เวลาที่จะให้กระเป๋าไปถึง แล้วแจ้งพนักงานดูแลกระเป๋าของโรงแรม
  3. จ่ายค่าขนส่งกระเป๋า รวมค่าภาษี
  4. แจ้งจุดหมายปลายทางที่เราจะส่งไปให้ทราบล่วงหน้าว่ามีการจัดส่งกระเป๋าเดินทาง
  5. รับกระเป๋าเดินทางของคุณที่จุดหมายปลายทาง

ราคาค่าส่งขึ้นอยู่กับขนาดสัมภาระ และระยะทาง

การใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศญี่ปุ่น มีวิธีไหนบ้าง

  1. ใช้บริการ Wi-Fi ฟรี ตามโรงแรม ร้านกาแฟ สำนักงานท่องเที่ยว โดยถามรหัสได้จากพนักงานหรือเจ้าหน้าที่
  2. ใช้บริการ Wi-Fi ฟรี ผ่านจุดให้บริการต่างๆ ทั่วประเทศ
    อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    https://www.jnto.or.th/freewifi/
    http://www.ntt-bp.net/jcfw/en.html
    http://flets.com/freewifi/index.html
    http://www.freespot.com/users/map_e.html
  3. เช่าเครื่อง Wi-Fi router (ข้อดีคือ มี Wi-Fi router เครื่องเดียวแต่แบ่งสัญญาณให้ต่ออินเตอร์เนทได้หลายคนพร้อมๆ กัน คุณอาจเช่าเครื่องจากผู้ ให้บริการในไทย หรือเช่ากับบริษัทที่ญี่ปุ่นก็ได้)
  4. ใช้บริการ International Roaming แบบ แบบมีค่าใช้จ่าย จากการใช้บริการเครือข่ายที่ไทย หรือ ที่ญี่ปุ่น รายละเอียดแตกต่างกันตามแต่ละบริษัท

แนะนำ Application เที่ยวญี่ปุ่นสำหรับ iPhone (iOS)

  1. ขอแนะนำ Application ต่างๆ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ที่มีให้ดาวน์โหลดมาใช้ฟรี และที่ให้ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเจ้าของ Application เหล่านี้แต่อย่างใดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    https://www.jnto.or.th/newsletter/app-2013/

แนะนำ Application เที่ยวญี่ปุ่นสำหรับ Android

  1. ขอแนะนำ Application ต่างๆ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ที่มีให้ดาวน์โหลดมาใช้ฟรี และที่ให้ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเจ้าของ Application เหล่านี้แต่อย่างใดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    https://www.jnto.or.th/newsletter/application-android/

ใช้บริการรถแท็กซี่ได้อย่างไร

  1. อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    https://www.jnto.or.th/newsletter/taxi/

ไปชมภูเขาฟูจิที่ไหน อย่างไร

ภูเขาไฟฟูจิ มรดกโลกด้านวัฒนธรรม เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูงถึง 3,776 เมตร บริเวณที่จะชมทิวทัศน์ได้ชัดมีหลายที่ ทั้งเมืองรอบๆ เขตอุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ และรอบทะเลสาบทั้ง 5 ได้แก่ ทะเลสาบยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมะโตะสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ รอบภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเดินทางไปโดยรอบได้ด้วยรถบัสและรถไฟสายเอกชนและผู้ที่สนใจไต่ภูเขาไฟฟูจิ ขอให้เตรียมร่างกายให้พร้อม

ภูเขาฟูจิเปิดให้ขึ้นไปปีนเขาเที่ยวชมในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมของทุกปี

ในช่วงปีใหม่เที่ยวอะไร ที่ไหนได้บ้าง

ภูมิอากาศและอุณหภฺมิ แต่ละเมืองของญี่ปุ่นเป็นอย่างไร

ญี่ปุ่นประกอบด้วย 4 ฤดู ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาว สภาพอากาศและการแต่งกายจึงแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ช่วงที่ร้อนที่สุดในรอบปีคือเดือนสิงหาคม ช่วงที่หนาวที่สุดในรอบปีคือ เดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนเดินทางควรวางแผนจัดเสื้อผ้าที่เหมาะสม นอกจากนี้ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะผอม ยาว ทำให้แม้ในช่วงเวลาเดียวกัน อุณหภูมิบริเวณเหนือสุดจนถึงใต้สุดของประเทศจะแตกต่างกัน ยกเว้นที่เกาะโอกินาว่า ที่อุณหภูมิอบอุ่นตลอดปี

อุณหภูมิแต่ละเมืองท่องเที่ยว สามารถตรวจดูได้จากเว็บไซต์ต่อไปนี้

อยากชมเทศกาลของญี่ปุ่น จัดขึ้นเมื่อไหร่

งานเทศกาลต่างๆ ของญี่ปุ่นมีทั่วประเทศ ตลอดทั้ง 4 ฤดู ในแต่ละปีการฉลองเทศกาลต่างๆ เผยให้เห็นถึงความนึกคิดของชาวญี่ปุ่น ซึ่งต้นกำเนิดของงานเทศกาลจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ที่เตือนความทรงจำให้นึกถึงค่านิยมที่ยึดถือกันมานาน เช่น งานเทศกาล โอ-บง ในฤดูร้อน ผู้คนจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดและเคารพบรรพบุรุษ งานฉลองปีใหม่ในฤดูหนาว งานชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ และเทศกาลชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

ดูข้อมูลเทศกาล และวันเวลาที่จัดได้ที่นี่
https://www.jnto.or.th/activities/festival/

จะชมซากุระในญี่ปุ่นได้ช่วงไหน

ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม เมษายน พฤษภาคม
อากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น แม้คนญี่ปุ่นจะถือว่าอบอุ่นแล้ว แต่ยังค่อนข้างเย็นสำหรับคนไทย

ดอกซากุระจะเริ่มบานจากทางภาคใต้ เรื่อยขึ้นไปทางภาคเหนือ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในปีนั้นๆ ช่วงเวลาที่ระบุจึงเป็นเพียงการประมาณการณ์ ดอกซากุระจะบานช่วงปลายเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกๆ ปี ระยะเวลาที่ดอกซากุระบานแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ใน 1 ปี ดอกซากุระจะบานเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น

ดูพยากรณ์ช่วงเวลาที่ซากุระบาน
http://www.jnto.go.jp/sakura/eng/index.php

ชมรายละเอียดของจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่
https://www.jnto.or.th/activities/sakura/

สถานที่ชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่น
https://www.jnto.or.th/newsletter/hanami-sakura/

ชมซากุระพร้อมภูเขาไฟฟูจิ
https://www.jnto.or.th/newsletter/sakurafu/

เรื่องที่เที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ภาษาอังกฤษ
http://japan-magazine.jnto.go.jp/en/category/season/spring/

Japan’s Four Seasons and Flowers
http://www.jnto.go.jp/eng/attractions/rest/hana/hana_p1.html

ฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นมีอะไรน่าสนใจและมีที่ไหนแนะนำบ้าง

ฤดูร้อน : มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม
อากาศในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นอุณหภูมิอากาศคล้ายอยู่ที่เมืองไทย

ฤดูร้อนมีเทศกาลดอกไม้ไฟและงานวัดตามเมืองต่าง ๆ เช่น ร่วมชมเทศกาลดอกไม้ไฟที่มีจัดเกือบทุกเมือง ชมระบำพื้นเมือง “Bon Odori” หรือ เทศกาลดวงดาวทะนะบะตะ (Tanabata) ที่จัดขึ้นทั่วประเทศ และเทศกาลที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างคือ เทศกาลแห่หุ่นโคมไฟ (Nebuta Matsuri) ทางภูมิภาคโทโฮคุที่จัดได้ยิ่งใหญ่ในทุกปี เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในฤดูร้อน เช่น ชมดอกไม้ ไม่ว่าจะทุ่งดอกไม้สีม่วงลาเวนเดอร์ที่สวยงาม ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมของทุกปีที่เกาะฮอกไกโด หรือจะเป็นการทำกิจกรรมแบบปีนเขา ชมธรรมชาติดูนก เก็บผลไม้ เป็นต้