ข้อมูลที่ควรรู้ : ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.) ใบไม้ส่วนใหญ่ จะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลืองส้มและสีแดง ก่อนที่จะร่วงหล่นไปจนหมด
ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายนตามปกติ ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสี ไล่จากทางภาคเหนือลงสู่ภาคใต้ของญี่ปุ่น ช่วงเวลาเปลี่ยนสีอาจคลาดเคลื่อนแตกต่างกันไปในแต่ละปี ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและอุณหภูมิในปีนั้นๆ
อากาศ : ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นอุณหภูมิเริ่มเย็นสบาย อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 15-25 องศาเซลเซียส
เสื้อที่ควรเตรียมไป
แม้อากาศจะไม่หนาวเท่าฤดูหนาว แต่ควรเตรียมเสื้อคลุมแขนยาวสำหรับกันหนาวไปด้วย เช่น เสื้อยืดแขนยาว เสื้อแขนยาว เสื้อคอเต่าแขนยาว เสื้อคาร์ดิแกน เสื้อคลุม เสื้อแจ็กเก็ต สเว็ตเตอร์กันหนาว ผ้าพันคอแบบหนา
ควรเตรียม
กางเกงขายาว กระโปรงยาว กางเกงเล็กกิ้งตัวหนา ถุงน่องแบบหนา ถุงเท้า พร้อมรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าบู๊ท
Enkoji Temple, Kyoto Kawaguchiko, Yamanashi Showa Kinen Park, Tokyo Arashiyama, Kyoto
ตารางแสดงช่วงเวลาที่ใบไม้ในแต่ละภูมิภาคเริ่มเปลี่ยนสี
1. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัน (Daisetsuzan National Park)
ที่ตั้ง : Kamikawa , Hokkaido
ช่วงเวลาชม : กลางกันยายน-ปลายกันยายน
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจากสถานีรถไฟ JRkamikawa ใช้เวลา 30 นาที
ข้อมูลน่ารู้ : กล่าวกันว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนทุกที่ในญี่ปุ่น ทิวทัศน์ที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ใบเรียว และสีเหลืองแดงของต้นไม้ใบกว้าง สลับสีกันอย่างงดงามดั่งภาพวาดของศิลปินเอก ใบไม้บนภูเขาคุโรดาเกะนั้นใช้เวลากว่า 1 เดือนในการเปลี่ยนสีเป็นสีแดง ไล่จากยอดเขาเรื่อยลงมาถึงจุดขึ้นกระเช้าตรงเชิงเขา จุดชมใบไม้แดงที่งดงามที่สุด อยู่ตรงปากทางขึ้นเขา ที่มีชื่อว่า กินเซ็นได บริเวณนั้นยังมีแหล่งน้ำพุร้อนอยู่กว่า 10 แห่ง เช่น น้ำพุร้อนโซอุงเคียว–ออนเซ็น หลังจากที่ชมใบไม้แดงแล้ว ท่านยังสามารถแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้ง เพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติที่งดงามของฮอกไกโดได้ด้วย
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.daisetsuzan.or.jp/english/
2. ทะเลสาบ โทวาดาโกะ ในภูมิภาคโทโฮคุ (Towadako Lake)
ที่ตั้ง: Towada , Aomori
ช่วงเวลาชม : กลางตุลาคม-ปลายตุลาคม
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจากสถานีรถไฟ JR Aomori ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า
ข้อมูลน่ารู้: ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบแบบ Caldera ชื่อCaldera นี้เป็นภาษาสเปน มีความหมายว่าหม้อ ใช้เรียกพื้นที่ตรงกลางระหว่างภูเขาสองลูก ที่มีลักษณะยุบลงเป็นทรงคล้ายหม้อ ซึ่งเกิดจากแรงระเบิดของภูเขาไฟ ทะเลสาบโทวาดาโกะ นั้นล้อมรอบไปด้วยภูเขา สามารถขึ้นเรือท่องเที่ยว เพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบของทะเลสาบ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยใบไม้แดง สัญลักษณ์ของทะเลสาบโทวาดาโกะแห่งนี้ คือ รูปสลักสาวงาม(โอโตเมะ โนะโซ) ซึ่งเป็นผลงานของทากามุระ โคทาโร่ ศิลปินระดับชาติของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ควรพลาด ในการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก บริเวณรอบๆ มีโรงแรม และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งจะคึกคักมากเป็นพิเศษเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้แดง ทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับการแช่น้ำพุร้อนโทวาดาโกะ และการเก็บแอปเปิ้ลผลไม้ขึ้นชื่อของ อาโอโมริ อีกด้วย
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.jnto.go.jp/eng/location/regional/aomori/towada_aomori.html
3. ซาโอ ในภูมิภาคโทโฮคุ (Zao Onsen)
(ที่ตั้ง : Zao , Yamagata)
ช่วงเวลาชม : กลางตุลาคม-ปลายตุลาคม
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจากสถานีรถไฟ JR Yamagata ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง
ข้อมูลน่ารู้ : เทือกเขาซาโอ เป็นเทือกเขาสวยงามเลื่องชื่อ ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ทอดผ่านจังหวัด มิยาหงิ แลจังหวัดยะมะงะตะ นอกจากนั้น ในท้องถิ่นนี้ยังมีน้ำพุร้อนเลื่องชื่อหลายแห่ง ท่านสามารถใช้บริการกระเช้าของลานสกีฤดูหนาว เพื่อขึ้นไปชมใบไม้แดงจากมุมสูงได้ การขับรถชมใบไม้แดงโดยใช้เส้นทาง ซะโอ-เอโดไลน์ ที่เชื่อมระหว่าจังหวัด มิยาหงิ และจังหวัด ยะมะงะตะ ตลอดเส้นทางมีความยาวทั้งสิ้น 26 กม.เส้นนี้ ท่านจะได้เต็มอิ่มกับการชื่นชมความงามของใบไม้แดงอย่างเต็มตา เนื่องจาก ในฤดูหนาวจะมีหิมะตกหนัก จึงต้องปิดให้บริการในเส้นทาง ช่วงเดือนพ.ย. ถึงเดือนเม.ย. นับว่าเส้นทางเส้นนี้ คุ้มค่ากับการมาเยือนเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องปิดให้บริการในเส้นทาง ช่วงเดือน พ.ย. ถึงเดือนเม.ย. นับว่าเส้นทางนี้คุ้มค่ากับการมาเยือนเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่ไม่ถนัดการปีนเขาหรือไม่ชอบเดินเท้า ก็สามารถเพลิดเพลินกับการชมใบไม้แดงที่นี่ได้อย่างเต็มที่
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.jnto.go.jp/eng/location/regional/yamagata/zao_yamagata.html
4. น้ำตก อากิอุโอทากิ ในภูมิภาคโทโฮคุ (Akiu Otaki Falls)
ที่ตั้ง : Sendai , Miyagi
ช่วงเวลาชม : กลางตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจากสถานีรถไฟ JR Sendai ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง
ข้อมูลน่ารู้ : แม้ประเทศญี่ปุ่น จะมีน้ำตกที่สวยงามอยู่มากมายหลายแห่ง แต่น้ำตกอากิอุโอทากิ ที่มีสายน้ำกว้าง 6 เมตรและมีความสูงกว่า 55 เมตร น้ำตกแห่งเมืองเซนไดนี้ ได้รับการกล่าวขานว่ามีความงดงามมากเป็นพิเศษ เมื่อถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มวลหมู่ต้นไม้รอบๆ น้ำตกจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดง เขียว และเหลือง ทำให้ทิวทัศน์บริเวณนั้นงดงามประหนึ่งภาพในฝัน ใบของต้นโอจิ(แปะก้วย) และ โมมิจิ(เมเปิ้ล) ซึ่งเป็นตัวแทนของใบไม้แดงสลับสีกันดูงามตายิ่ง แถบอากิอุ ยังขึ้นชื่อในเรื่องน้ำพุร้อน และละแวกใกล้เคียง ยังมีแหล่งรวมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของอะกิอุ ซึ่งสาธิตวิธีการผลิต และจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองขึ้นชื่อของเซนได เช่น ตุ๊กตาโคเคชิ,ตู้ไม้เซนได เป็นต้น
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.sentabi.jp/th/tourist/akiuootaki_hudoudou.html
5. บันไดอาซุมะ-สกายไลน์ ในภูมิภาคโทโฮคุ (Bandai Azuma Skyline)
ที่ตั้ง : Bandai , Fukushima
ช่วงเวลาชม : กลางตุลาคม-ปลายตุลาคม
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากสถานีรถไฟ JR Fukushima ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
ข้อมูลน่ารู้ : บันไดอาซุมะ-สกายไลน์ เป็นชื่อถนนเส้นทางพิเศษ ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เป็นเส้นทางที่เหมาะกับการขับรถชมใบไม้แดงเป็นอย่างยิ่ง สูงจากระดับน้ำทะเล 1500 ม. และมีความยาวทั้งสิ้น 29 กม. เชื่อมระหว่างแหล่งน้ำพุร้อนทากายุ ใน เมืองฟุกุชิมะกับเส้นทางขึ้นภูเขาทสึจิยุ จาก จุดชมวิวอาซุมะฮักเก มองลงมาจะเห็นป่าใบไม้แดงที่แสนงดงาม ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยว จากทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก เดินทางมาชื่นชมความงดงามของที่นี่ น้ำพุร้อนที่อยู่ในละแวกนั้น ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปด้วย
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/natuscen/azumayama.html
6. นิกโก้ ในภูมิภาคคันโต (Nikko)
(ที่ตั้ง : Nikko , Tochigi)
ช่วงเวลาชม : กลางตุลาคม-ปลายตุลาคม
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจากสถานีรถไฟ JR Nikko ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
ข้อมูลน่ารู้ : นิกโก้ เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศาลเจ้านิกโก้โทโชงู ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ที่ นิกโก้ มีจุดชมใบไม้แดงหลายแห่ง ในตัวเมืองมีต้นอิโจ (แปะก้วย) ขึ้นเรียงรายและตรงถนนขึ้นเขา ที่มีชื่อว่า อิโรฮะซะกะ ก็ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นเส้นทางชมใบไม้หลากสีที่งดงามที่สุดในภูมิภาคคันโต และสถานที่ที่อยากแนะนำให้เดินทางไปชม คือน้ำตกริวซุ ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบจูเซ็นจิโกะ “ริวซุ” มีความหมายว่า หัวมังกร เนื่องจากด้านหน้าของแอ่งน้ำตก มีหินก้อนใหญ่ขวางทางอยู่ ทำให้กระแสน้ำที่ไหลมาถึงจุดนั้น ถูกแยกออกเป็นสองทาง ลักษณะคล้ายหัวมังกร ตรงส่วนหัวของมังกรมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่ เมื่อใบไม้บริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง ก็จะทำให้มองเห็นเป็นหัวมังกรสีแดงด้วย
เพิ่มเติมได้ที่ : http://japan-magazine.jnto.go.jp/en/special_tochigi02.html
7. สวนเมจิจิงงูไกเอง ในภูมิภาคคันโต (Meiji Jingu Gaien)
(ที่ตั้ง : Minami , Tokyo)
ช่วงเวลาชม : กลางพฤศจิกายน-ปลายพฤศจิกายน
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟ JR Shinanomachi/รถไฟใต้ดิน Geienmae
ข้อมูลน่ารู้ : แม้แต่ใจกลางกรุงโตเกียว ท่านก็สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่สวนเมจิจิงงูไกเอง แห่งนี้ มีต้นอิโจ (แปะก้วย) กว่า 140 ต้น ขึ้นเรียงรายทั้งสองข้างทางอย่างสวยงาม อิโจ (แปะก้วย) จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง และในที่สุดก็ร่วงลงสู่พื้นดิน จนทางเดินจะกลายเป็นสีเหลือง ในช่วงเวลานี้จะมีการจัด “งานเทศกาลชมใบอิโจ” ขึ้นใน กรุงโตเกียว ไม่เพียงแต่สวนเมจิจิงงูไกเอง ยังสามารถชมใบไม้แดงที่สวนชินจูกุเกียวเอ็ง สวนสาธารณะโยโยหงิ สวนสาธารณะฮิบิยะ ฯลฯ ได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับท่านที่มีโอกาสเดินทางมาติดต่อธุรกิจที่ญี่ปุ่น แต่ไม่มีเวลาเดินทางไปนอกเมือง จะแวะเวียนไปชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสะดวก
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.meijijingugaien.jp/english/access-map.html
8. ทะเลสาบ คาวางุจิโกะ ในภูมิภาคจูบุ (Kawaguchi Lake)
(ที่ตั้ง : Kawaguchiko , Yamanashi)
ช่วงเวลาชม : ต้นพฤศจิกายน-กลางพฤศจิกายน
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากสถานีรถไฟ JR Kawaguchi ใช้เวลา 20 นาที
ข้อมูลน่ารู้ : ทะเลสาบคาวางุจิโกะ นอกจากจะเป็นสถานที่ขึ้นชื่อ ในการชมภูเขาไฟฟูจิคิวโค ซึ่งทัวร์จากประเทศไทย นิยมพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมแล้ว ยังเป็นสถานที่ชมใบไม้แดง ที่มีชื่อเสียงมากอีกด้วย ภูเขาไฟฟูจิที่ยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ตัดกับสีของใบไม้แดงนั้น เป็นภาพทิวทัศน์ที่แสดงออกถึงความเป็นญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี ใบไม้แดงแถบนี้เกือบทั้งหมดเป็นใบของ ต้นโมมิจิ (เมเปิ้ล) ในช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงเต็มที่ จะมีการจัดงานเทศกาลชมใบโมมิจิขึ้น ในค่ำคืนช่วงเวลาที่มีงาน จะประดับไฟจนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่ม ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติคราวกับอยู่ในฝัน ในละแวกใกล้เคียงยังมี สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อยู่มากมายหลายแห่ง และใกล้กับแหล่งน้ำพุร้อนฟูจิคาวางุจิโกะ ยังมีโรงแรมแบบญี่ปุ่นที่มีบ่อน้ำพุร้อน ให้บริการอยู่มากมาย
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.jnto.go.jp/eng/indepth/scenic/mtfuji/fuji_03.html
9. ที่ราบสูง ชิราคาบะ และวีนัสไลน์ (Shirakaba Highland)
(ที่ตั้ง : Kitasagu , Nagano)
ช่วงเวลาชม : กลางตุลาคม-ปลายตุลาคม
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสลงสถานีรถไฟ JR sagudaira ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
ข้อมูลน่ารู้ : จังหวัดนางาโนะ มีภูเขาสูงมากมาย ทำให้ในฤดูหนาวมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นสกี ส่วนในฤดูใบไม้ร่วง ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมใบไม้แดงกันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมใน จังหวัดนางาโนะ คือ ที่ราบสูงชิราคาบะ จุดชมใบไม้แดงที่อยู่บนที่ราบสูงแห่งนี้ ได้แก่ ทะเลสาบทาเตชินาโกะและภูเขาทาเตชินะ ผู้ที่ไม่สะดวกที่จะเดินเท้าขึ้นไป ก็สามารถใช้บริการกอนโดร่าลิฟท์จากฟาร์ม ทาเตชินะ ขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ ในการเดินทางไปยังที่ราบสูงชิราคาบะนั้น จะต้องใช้เส้นทางพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีชื่อว่า วีนัสไลน์ ซึ่งเป็นถนนที่มีความยาวทั้งสิ้น 76 กม. ท่านจะได้เพลิดเพลินกับใบไม้แดง ระหว่างที่รถวิ่งอยู่บนเส้นทางวีนัสไลน์ จากที่ราบสูงชิระคะบะ ไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ใกล้เคียง นอกจากรีสอร์ตชิราคาบะ และแหล่งน้ำพุร้อนแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ อีกเช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.shirakabakogen.jp/english.html
10. อะระชิยะมะ ในภูมิภาคคันไซ (Arashiyama)
(ที่ตั้ง :Arashiyama , Kyoto )
ช่วงเวลาชม : กลางพฤศจิกายน-ปลายพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Saga-Arashiyama ใช้เวลาเดิน 10 นาที
ข้อมูลน่ารู้ : ในเมืองหลวงเก่า เกียวโต ก็มีสถานที่ชมใบไม้แดงอยู่หลายแห่งเช่นกัน แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ ใบไม้แดงที่ อะระชิยะมะ ทุกคนที่เดินทางมาที่นี่จะต้องไม่พลาด ที่จะถ่ายรูปกับสะพานโทเง็ทสึเคียว โดยมีภูเขาอะระชิยะมะเป็นฉากหลัง นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังนิยมใช้บริการรถไฟโทร็อกโกะ เพื่อชมใบไม้แดงที่ อะระชิยะมะ อีกด้วย เนื่องจากในเกียวโตมีวัด และศาลเจ้าอยู่เป็นจำนวนมากจึงสามารถชมความงามของใบไม้แดง ในวัดต่างๆ ได้ เช่น วัดคิโยมิซุ วัดกิงคาคุจิ ศาลเจ้าชิโมงาโมะ วัดนันเซ็นจิ เป็นต้น
เพิ่มเติมได้ที่ : http://kyoto.travel/th
11. ศาลเจ้า โคโตฮิระงุ ในภูมิภาคชิโกะกุุุ (Kotohira-gu Shrine)
(ที่ตั้ง : Nakatado-gun, Kagawa)
ช่วงเวลาชม : กลางพฤศจิกายน-ปลายพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Kotohira ใช้เวลาเดิน 20 นาที
ข้อมูลน่ารู้ : ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาะชิโกกุกว่า 3 ล้านคน สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ของที่นี่คือ ศาลเจ้าโคโตฮิระงู แต่คนญี่ปุ่นเรียกที่แห่งนี้ว่า “คอมปิระซัง” ศาลเจ้า โคโตฮิระงูนั้นตั้งอยู่ลึกเข้าไปใน ภูเขาโซซุ ผู้ที่เดินทางมาไหว้พระที่นี่ จะต้องขึ้นบันไดกว่า 800 ขั้น ซึ่งตลอดทางขึ้นบันได ท่านจะได้ชมความงามของใบเมเปิ้ลสีแดง ในวันที่ 10 พ.ย. ของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมใบไม้แดงขึ้น ซึ่งงานเทศกาลของที่นี่ จะแตกต่างจากงานเทศกาลของที่อื่นตรงที่ จะมีการทำพิธีอย่างเคร่งครัด ตามแบบอย่างที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ภูมิภาคนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่อง เส้นอุด้ง ซึ่งท่านสามารถลองทำเส้นอุด้งด้วยตัวเองได้ นอกจากนั้นยังสามารถตระเวนไปชิมเส้นอุด้งที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นตามร้านต่างๆ ได้อีกด้วย
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/shritemp/kotohiragu.html
12. สวนสาธารณะโมมิจิดะนิ เกาะมิยะจิมะ ในภูมิภาคจูโงะกุุ (Momijidani Park in Miyajima)
(ที่ตั้ง : Miyajima , Hiroshima)
ช่วงเวลาชม : กลางพฤศจิกายน-ปลายพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานี JR Miyajima-guchi เพื่อที่จะขึ้นเรือข้ามไปยังเกาะมิยะจิมะ แล้วเดินต่อไปอีก 20 นาที
ข้อมูลน่ารู้ : สวนสาธารณะโมะมิจิดะนิ ตั้งอยู่ด้านหลังศาลเจ้า อิทจึคุชิม่า ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ด้านวัฒนธรรม ในสวนแห่งนี้มีต้นโมะมิจิ (เมเปิ้ล) กว่า 200 ต้น จุดที่สวยที่สุดคือ สะพานโมมิจิ ตรงทางเข้าสวนในทุกๆ ปีจะมีการจัดงานเทศกาลชมใบไม้แดง แต่จะอยู่ภายในช่วงกลาง-ปลายเดือนพ.ย. ซึ่งวันที่จัดจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ของฝากที่มีชื่อเสียงของ ฮิโรชิม่าคือ “โมมิจิมันจู” (ขนมไข่รูปโมมิจิ) ซึ่งมีจำหน่ายที่นี่มากมาย
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.miyajima.or.jp/english/spot/spot_momiji.html
13. น้ำพุร้อน อุนเซน ในภูมิภาคคิวชิว (Unzen-onsen)
(ที่ตั้ง : Unzen , Nagasaki)
ช่วงเวลาชม : ปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสลงสถานีรถไฟ JR Isahaya ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
ข้อมูลน่ารู้ : สีแดง ส้มและเหลือง ของใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ มีความงดงามมาก ถึงขนาดหากมองไกลๆ อาจเข้าใจผิดจะคิดไปว่าเป็นดอกไม้ได้ เป็นเพราะที่นี่มีต้นไม้ที่ใบเปลี่ยนสีถึง 150 กว่าชนิด หากมองลงมาจากยอดเขาคุนิมิดะเกะ ภาพที่เห็นจะยิ่งสร้างความประทับใจมิรู้ลืม แถบนี้มีชื่อเสียงมาก ในฐานะที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนแห่งแรกในญี่ปุ่น ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติ จึงมีทั้งโรงแรมแบบญี่ปุ่น และโรงแรมแบบสากล เปิดให้บริการอยู่มากมาย สามารถเลือกที่ถูกใจได้ นอกจากนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่นๆ อีก เช่น ฮุสเทนบอส ซึ่งเป็นรีสอร์ตที่จำลองบรรยากาศแบบยุโรปในยุคกลาง ที่จะแวะไปสัมผัสบรรยากาศได้
เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.unzen.org/e_ver/
เว็บไซต์แนะนำสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ
ข้อมูลทั่วไป
ใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูกาลแห่งความโรแมนติก
เว็ปไซต์ในการชมใบไม้แดง
ทัวร์ในญี่ปุ่น
ชมไบไม้เปลี่ยนสีที่ Korankei จังหวัด Aichi
ชมซากุระพร้อมใบไม้เปลี่ยนสีที่เมือง Obara
ตามรอยใบไม้แดง ณ เกียวโต