นั่งรถไฟฟรุทเทียฟุคุชิมะ (FruiTea Fukushima) เที่ยวเมืองไอซุวะกะมัทสึ (Aizu-Wakamatsu)

“ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)” คือสัญลักษณ์แห่งเมืองไอซุวะกะมัทสึ (Aizu-Wakamatsu City) งดงามตระการตาด้วยหอคอยยอดปราสาทปูกระเบื้องสีแดงตัดกับกำแพงปราสาทสีขาวสะอาดตา สามารถขึ้นไปชมภูมิทัศน์เมืองรอบปราสาทสุดโรแมนติกแห่งนี้ได้ที่จุดชมวิวบนหอคอยยอดปราสาท นอกจากปราสาทนี้จะเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมแล้ว แม้แต่ช่วงหลังจากที่ซากุระโรยในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน สีเขียวของใบไม้ผลิยอดอ่อนก็เข้าคู่กับกระเบื้องสีแดงได้อย่างงดงามเช่นกัน อีกทั้งภายในบริเวณสวนยังมีเรือนชงชาริงคะคุ (Rinkaku Tea House) ที่สร้างขึ้นเมื่อ 500 ปีก่อนให้เราได้เข้าไปเที่ยวชมอีกด้วย อัตราค่าเข้าชมสวน 200 เยน และหากจ่ายเพิ่มอีก 600 เยน ก็จะได้เอร็ดอร่อยกับขนมและชาเขียวมัทฉะท่ามกลางบรรยากาศสวนสไตล์ญี่ปุ่นอันงดงามอีกด้วย

“ถนนนาโนะคะมาจิโดริ (Nanokamachi-dori Street)” เป็นถนนที่เต็มเปี่ยมด้วยบรรยากาศย้อนยุคแบบไอซุวะกะมัทสึ (Aizu-Wakamatsu) เรียงรายไปด้วยร้านค้าสวยๆ เก่าแก่มีชื่อเสียง และตึกโบราณมากมาย ภายในอาคารกำแพงดินสไตล์ตะวันตกอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี เต็มไปด้วยงานฝีมือดั้งเดิมอย่างเครื่องเขินไอซุนุริ (Aizunuri) (งานฝีมือที่ผลิตโดยการลงรักลงไปบนวัสดุไม้หรือกระดาษซ้อนกันหลายชั้น) และเครื่องประดับมากมายให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก นอกจากนี้ยังมีโรงกลั่นเหล้าเก่าแก่ที่มีเหล้าสาเกท้องถิ่นให้ได้ชิมกันหลังจากเดินเที่ยวชมภายในแล้วอีกด้วย สำหรับอาหารแนะนำ นั้นคืออาหารพื้นบ้านอย่าง “มิโซะเด็งงะคุ (Miso Dengaku)” (เต้าหู้หรือคอนเนียะคุนำไปทามิโซะแล้วย่าง) ซึ่ง “คอนเนียะคุ (Konnyaku)” เป็นอาหารที่ชาวญี่ปุ่นรับประทานกันทั่วไป มีลักษณะคล้ายเยลลีทำจากพืชตระกูลมันชนิดหนึ่ง หรือที่คนไทยเราเรียกว่า หัวบุก นั่นเอง ส่วนมิโซะก็เป็นเครื่องปรุงรสชนิดหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้กันทั่วไป

“วัดซาซาเอะโด (Sazaedo Temple)” สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1796 เป็นวัดรูปทรงหกเหลี่ยมสูงสามชั้นดูแปลกตา ภายในมีบันไดวนสองชั้นดูเป็นเอกลักษณ์ซึ่งออกแบบมาให้ขาขึ้นและขาลงเป็นคนละเส้นทางกัน ทำให้สามารถเดินไปสู่ประตูทางออกได้โดยไม่สวนกับผู้เข้ามาสักการะนมัสการคนอื่นๆ เมื่อเข้ามาและเดินไปตามบันไดวนนี้ ก็จะได้เห็นพระพุทธรูปทั้งหมดที่ประดิษฐานอยู่ภายใน (ครั้งหนึ่งเคยมีจำนวน 33 องค์ ปัจจุบันเหลือเพียง 19 องค์) ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แปลกตาและหาดูได้ยากในโลก จึงเป็นที่ยอมรับในฐานะสิ่งปลูกสร้างที่มีความพิเศษในเชิงประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม และได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญของญี่ปุ่นในปีค.ศ.1996 นับเป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดหากมีโอกาสได้มาเยือนไอซุวะกะมัทสึ

ฮิงาชิยามะอนเซ็น (Higashiyama Onsen) ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาของเมืองไอซุวะกะมัทสึ (Aizu-Wakamatsu City) เป็นแหล่งอนเซ็น (สถานที่ที่มีบ่อน้ำพุร้อนรวมตัวกันอยู่หลายแห่ง) ที่เก่าแก่ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานราว 1,300 ปี อยู่ใกล้ๆ กับตัวเมืองไอซุวะกะมัทสึจึงสามารถเดินทางไปได้สะดวกสบาย มีอนเซ็นเรียวกังแสนจะโรแมนติกกระจายอยู่รอบๆ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ให้คุณได้เพลิดเพลินกับอนเซ็นตามธรรมชาติท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงามอุดมสมบูรณ์ รับรองว่าน้ำร้อนที่ให้สัมผัสเบาสบายผิวจะช่วยอบอุ่นร่างกายจากภายในและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้เป็นอย่างดี และอย่าลืมชิมเมนูยอดนิยมท้องถิ่นอย่าง “คัทสึด้งราดซอส” หรือข้าวหน้าหมูชุบแป้งทอดราดซอสกันด้วย