จดหมายข่าว-อัพเดทข้อมูลท่องเที่ยวล่าสุด-กุมภาพันธ์ 2019

เปิดให้บริการในวันที่ 16 มีนาคม 2019

เตรียมพบกับครอบครัวมูมินและเพื่อนๆ ได้ที่
“มูมินวัลเลย์พาร์ค (Moominvalley Park)” ในเมืองฮันโน (Hanno City)

“มูมิน (Moomin)” คือชื่อของตัวละครที่ปรากฏในนิยายและหนังสือภาพของประเทศฟินแลนด์ และเป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ยอดนิยมของคนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบความน่ารัก และ มูมินวัลเลย์พาร์ค (Moominvalley Park) ธีมพาร์คที่เน้นเครื่องเล่นที่ใช้มูมินเป็นตัวละครหลักก็ได้ฤกษ์เปิดให้บริการแล้วภายใน เมซซ่า (Metsa) ธีมพาร์คในเมืองฮันโน (Hanno City) จังหวัดไซตะมะ (Saitama) ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมนี้เป็นต้นไป ให้ทุกคนได้สัมผัสความน่ารักของ เรื่องเล่าจากหุบเขามูมิน (Tales from Moominvalley) ไปกับเครื่องเล่นใหม่ล่าสุดกันอย่างจุใจเลยทีเดียว

ภายในมูมินวัลเลย์พาร์ค (Moominvalley Park) แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ 4 โซนดังนี้

• 1. คุ้งน้ำแห่งจุดเริ่มต้น โพคาม่า (Poukama) คือ ทางเข้าสู่สวนสนุกที่ทำเป็นรูปหนังสือและมีคาแรคเตอร์ยอดนิยมในเรื่องซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ
• 2. มูมิลากโซ (Muumilaakso) ซึ่งเป็นหุบเขามูมินในเรื่องนั้นก็คือ โซนหลักของสวนสนุกนั่นเอง โซนนี้เต็มไปด้วยเครื่องเล่นและสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ มากมาย เช่น โรงละครเอ็มมะ (Emma Theatre) สำหรับการแสดงสด บ้านของมูมิน (The Moominhouse) ที่สร้างขึ้นตรงตามต้นฉบับทุกประการ และเรือออเคสตร้าแห่งท้องทะเล (Ocean Orchestra) โรงละครรูปแบบใหม่ที่เน้นประสบการณ์เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศแห่งการผจญภัย เป็นต้น
• 3. โคเคมุส (Kokemus) ซึ่งแปลว่า ประสบการณ์ ในภาษาฟินแลนด์ คือ โซนนิทรรศการในร่ม ซึ่งเป็นอาคารสูง 3 ชั้นเหนือพื้นดินที่นอกจากจะได้ชมนิทรรศการประจำและนิทรรศการหมุนเวียนต่างๆ แล้ว ยังมีการจัดเวิร์คช็อปเกี่ยวกับเรื่องราวของมูมินอีกด้วย
• 4. ภูเขาผจญภัย ยุกซีไนเซ็ต วัวเล็ต (Yksinäiset Vuoret) คือ โซนเครื่องเล่นกลางแจ้ง ที่มีทั้งกรีฑา บ้านต้นไม้ และกิจกรรมโหนสลิง (Zipline) และอื่นๆ ให้เด็กๆ ได้เล่นสนุกมากมาย อีกทั้งให้ผู้ใหญ่ได้ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นในป่าอีกด้วย

นอกจากนี้ภายในยังมีร้านที่รวบรวมสินค้ากระจุกกระจิกรูปมูมิน คาเฟ่ และร้านอาหารด้วยเช่นกัน นับเป็นสวนสนุกริมทะเลสาบที่สวยงามให้ทุกคนได้สัมผัสกับเสน่ห์ของมูมินและธรรมชาติอันกว้างใหญ่ได้อย่างเต็มที่

เปิดให้บริการในวันที่ 16 มีนาคม 2019

“ฟูจิไคยู (Fuji Excursion)” รถไฟด่วนพิเศษเชื่อมตรงกับเส้นทางรถไฟสายชูโอ (Chuo Line)
วิ่งตรงจากสถานีชินจุกุ (Shinjuku Station) – สถานีคาวางุจิโกะ (Kawaguchiko Station)

ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่จะถึงนี้ ฟูจิไคยู (Fuji Excursion) รถไฟด่วนพิเศษจากสถานี JR ชินจุกุ (JR Shinjuku Station) เชื่อมตรงสู่สถานีคาวางุจิโกะ (Kawaguchiko Station) บนเส้นทางรถไฟสายฟูจิคิวโค (Fujikyuko Line) จะเริ่มเปิดให้บริการเดินรถเป็นประจำทุกวัน โดยวิ่งไปกลับวันละ 2 รอบ ให้สามารถเดินทางจากชินจุกุ (Shinjuku) ไปยังทะเลสาบคาวากุจิ (Lake Kawaguchi) ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) โดยใช้เวลาสั้นที่สุดเพียง 1 ชั่วโมง 52 เท่านั้น! การที่ไม่ต้องคอยเปลี่ยนรถไฟระหว่างทางนั้นทำให้สามารถประหยัดเวลาจากเดิมไปได้ถึงประมาณ 30 นาที ซึ่งช่วยให้การเดินทางไปเที่ยวชมมรดกโลกอย่างภูเขาไฟฟูจิกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถระบุที่นั่งล่วงหน้าได้ทุกที่นั่ง และถึงแม้จะไม่ได้แจ้งระบุที่นั่งไว้ก็สามารถนั่งในที่นั่งที่ยังว่างได้ (แต่ไม่มีบริการที่นั่งแบบอิสระ) สามารถซื้อบัตรโดยสารรถไฟและบัตรโดยสารรถด่วนพิเศษล่วงหน้าได้ทางเว็บไซต์สำหรับจองตั๋วของ JR EAST หรือตามสถานีจอดของขบวนรถไฟฟูจิไคยู หรือเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วตามสถานีรถไฟของ JR EAST

มาเดินทางไปยังบริเวณภูเขาไฟฟูจิแบบชิวๆ กับ “ฟูจิไคยู” ขบวนรถด่วนพิเศษแสนสะดวกโดยไม่ต้องกังวลกับปัญหารถติดกันเถอะ
เว็บไซต์สำหรับจองตั๋วโดยสาร JR EAST（https://www.jreast.co.jp/e/）

เปิดให้บริการในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2019

เรามาย้อนเวลากลับไปยังญี่ปุ่นเมื่อสมัย 500 ปีก่อนแล้วไปแช่อนเซ็นและสวมชุดญี่ปุ่นเดินเล่นในสวนแบบญี่ปุ่นกันไหมคะ? โซะระนิวะอนเซ็น โอซาก้าเบย์ทาวเวอร์ (Solaniwa Onsen Osaka Bay Tower) คือธีมพาร์คขนาดใหญ่ในรูปแบบของอนเซ็นภายใต้คอนเซ็ปต์ของยุคอะสึจิโมะโมะยะมะ (Atsuchi Momoyama Era) ช่วงครึ่งหลังคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2019 นี้ ที่บริเวณริมอ่าวโอซาก้า (Osaka Bay) ซึ่งสามารถขึ้นรถไฟจากสถานีโอซาก้า (Osaka  Station) ไปถึงได้โดยใช้เวลาเพียง 10 นาที อีกทั้งครบครันด้วยอนเซ็นธรรมชาติ กัมบังโยะคุ (Ganbanyoku) ซาวน่าหินร้อนแร่ธรรมชาติ โซนพักผ่อนหย่อนใจ และร้านค้าต่างๆ ภายในอาคารสามารถเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดยูกาตะ (Yukata) (มีบริการให้ยืมฟรี) และพักผ่อนหย่อนใจได้ตามอัธยาศัย หรือจะเลือกใช้บริการเช่าชุดเครื่องแต่งกายในยุคอะสึจิโมะโมะยะมะอย่างชุดนินจา ซามูไร และชุดเจ้าหญิงก็ได้เช่นกัน (มีค่าใช้จ่ายในการเช่า) อีกทั้งในร้านค้าก็ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง “ดีไซน์ญี่ปุ่น” หน้าตาย้อนยุคสุดน่ารักให้ได้เลือกซื้อกันอีกด้วย เครื่องสำอางที่ใช้วัตถุดิบญี่ปุ่นอย่างรำข้าว เหล้าสาเก ทองคำเปลว และอื่นๆ นั้นเหมาะจะซื้อกลับไปเป็นของฝากจากญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีโซนที่ให้คุณได้เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่นอย่างเหล้าสาเกและขนมวะงะชิ (Wagashi) หรือจะเป็นสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่บนดาดฟ้าซึ่งเป็นจุดชื่นชมความงามของดอกไม้ชนิดต่างๆ ตามฤดูกาล มีเวทีกลางสวนให้ได้ชมการแสดงต่างๆ รวมถึงโชว์นินจา และยังมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียลอยู่มากมาย

เปิดให้บริการในวันที่ 10 มีนาคม 2019

ลองไปนั่งจิบชาเพลินๆและลิ้มรสกับอาหารอร่อยในสถานีรถไฟที่จำลองบรรยากาศซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นในช่วงที่วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามาญี่ปุ่นสมัย 100 ปีก่อนกันดูไหม? ท่าเรือโมะจิโค (Mojiko Port) ในเมืองคิตะคิวชู (Kita Kyushu) จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) เป็นท่าเรือเก่าแก่ที่เปิดขึ้นเมื่อ 120 ปีก่อน และ สถานีโมะจิโค (Mojiko Station) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ท่าเรือโมะจิโคนั้นก็สร้างแล้วเสร็จในปีค.ศ. 1914 หรือเมื่อ 105 ปีที่แล้ว สถานีรถไฟแห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่ที่ตัวอาคารซึ่งมีการผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรปดูแปลกตาอย่างยิ่งสำหรับญี่ปุ่นในยุคนั้น แต่ต่อมาก็ได้ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา จึงได้มีการบูรณะซ่อมแซมเป็นระยะเวลา 6 ปีและกำลังจะกลับมาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในวันที่ 10 มีนาคมที่จะถึงนี้ โดยมีการสร้างหอนาฬิกา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ขึ้นมาใหม่ และพยายามตกแต่งภายในให้คงสภาพเหมือนเมื่อ 100 ปีก่อนให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังมีการสร้างโซนใหม่ๆ ขึ้นมาโดยบริเวณชั้น 1 ของสถานีส่วนที่เคยเป็นห้องนั่งรอนั้นก็ได้ทำเป็นร้านกาแฟ และชั้น 2 ก็ทำเป็นโซนร้านอาหารตะวันตก

สำหรับเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ภายในบริเวณอาคารสถานีรถไฟนั้นก็ได้มีการปรับให้เป็นศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวสำหรับย่านท่าเรือโมะจิโค (Mojiko Port) บริเวณโดยรอบสถานีเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างเช่น โมะจิโค เรโทร (Mojiko Retro) ซึ่งโดดเด่นด้วยบรรยากาศบ้านเมืองที่ได้รับการคัดเลือกให้ติด 1 ใน 100 ภูมิทัศน์เมืองที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอดีตสำนักงานศุลกากรโมะจิ (Former Moji Customs Office) ซึ่งโดดเด่นด้วยอาคารอิฐแดงและทิวทัศน์อันงดงามจากจุดชมวิวชั้น 2 และ อดีตที่ทำการสโมสรโมะจิมิตซุย (Former Moji Mitsui Club) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อราว 100 ปีก่อน โดยใช้เทคนิคการก่อสร้างสถาปัตยกรรมไม้แบบดั้งเดิมของทางยุโรป และได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญของชาติ เป็นต้น

นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการเดินตระเวนเที่ยวตามร้านขายของเก่าและเที่ยวชมอาคารสไตล์ตะวันตกย้อนยุคที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก