ยากที่จะปฏิเสธว่าการไปชิมของอร่อยคือหนึ่งในภารกิจ และความสุขเล็ก ๆ ของนักเดินทางหลายคน และประเทศญี่ปุ่นเอง ก็เป็นแหล่งรวมสีสัน วัฒนธรรมการกินไว้อย่างเพียบพร้อม แต่ละจังหวัดมักจะมีย่านเด็ด ๆ ที่รวมของอร่อยไว้ให้เลือกกันมากมายในราคาประหยัด อีกทั้งบางแห่งเป็นย่านเก่าแก่ที่ยังคงด้วยชีวิตชีวา
อาหารแบบท้องถิ่นที่มีวิถีการปรุง และคัดสรรวัตถุดิบในท้องที่ จะมีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในอาหารญี่ปุ่นหลาย ๆ เมนูซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี แต่เมื่อได้ไปลิ้มลองเมนูนั้น ๆ ที่เป็นอาหารเด่นประจำถิ่นแล้วล่ะก็จะทราบถึงความต่างได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
ในครั้งนี้จะแนะนำเกี่ยวกับย่านที่รวมเอาอาหารประจำถิ่นของเมืองนั้น มารวมกันไว้หลาย ๆ ร้าน ซึ่งสามารถที่จะเลือกชิมได้ในย่านเดียว ไม่ว่าจะเป็นราเมนโชยุสูตรต้นตำรับของเมืองอะซะฮิคะวะ (Asahikawa) จังหวัดฮอกไกโด, มงจะยะกิแห่งย่านทสึคิชิมะ (Tsukishima) ในโตเกียว, โอโคโนะมิยะกิที่เป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดฮิโระชิมะ (Hiroshima) หรือแม้แต่อาหารพื้นเมืองของจังหวัดโอกินาวะที่หาทานได้ง่าย และมีให้เลือกมากมายบนถนนโคะคุไซโดริ (Kokusaidori Street)
หมู่บ้านราเมน อะซะฮิคะวะ (Asahikawa Ramen Village), ฮอกไกโด (Hokkaido)
©︎ Asahikawa Ramen Village
©︎ Asahikawa Ramen Village
©︎ Asahikawa Ramen Village
อะซะฮิคะวะ ราเมน (Asahikawa Ramen) เป็นราเมนสูตรดั้งเดิมที่ใช้โชยุเป็นส่วนผสมหลักของน้ำซุปของเมืองอะซะฮิคะวะ จังหวัดฮอกไกโด และมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยยุคโชวะ แต่หลายปีให้หลัง ร้านราเมนหลายร้านหันมาให้ความสนใจกับราเมนซุปเกลือ ราเมนซุปมิโสะ (ราเมนที่ผสมเต้าเจี้ยวลงไปในน้ำซุป มีต้นกำเนิดมาจากฮอกไกโด) เสียส่วนใหญ่ ทำให้ความหลากหลายของรสชาติราเมนได้เพิ่มขึ้น และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเมือง หลังจากนั้นโชยุราเมนก็ได้มีการพัฒนาให้รสชาติเข้มข้นขึ้น ถูกปากคนตอนเหนือด้วยการเพิ่มรสชาติซุปกระดูกหมู หรือซุปปลาเป็นต้น
และเพื่อให้อะซะฮิคะวะราเมนเป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงได้สร้างหมู่บ้านราเมน อะซะฮิคะวะ (Asahikawa Ramen Village) ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1996 โดยเป็นการรวบรวมร้านราเมนชื่อดังทั้ง 8 ร้านของเมืองอะซะฮิคะวะมาไว้ในอาคารเดียวกัน มีทั้งราเมนซุปโชยุ ราเมนซุปเกลือ ราเมนซุปมิโสะ ให้เลือกตามสไตล์ที่ชอบ
ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ นอกจากจะรวมร้านราเมนเจ้าอร่อยไว้ที่นี่ที่เดียวแล้ว ยังมีโซนจัดแสดงประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านสำหรับผู้ที่สนใจ และยังมีศาลเจ้าราเมนวิลเลจ (Ramen Village Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ให้คู่รัก คู่สมรส ครอบครัวมาขอพรให้ความรักยืนยาวเหมือนเส้นบะหมี่ และความสัมพันธ์อบอุ่นเหมือนซุปในชามจากเทพเจ้าทั้งสององค์ที่ประทับอยู่ คือเทพเจ้าเมนโคอิเท็น (Menkoiten) เทพที่ให้พรคู่รักครองรักกันยาวนาน และเทพเม็นมะไดโอ (Menmadaio) เทพที่ให้คู่ครองซื่อสัตย์ต่อกัน
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
Asahikawa Ramen Village4-119-48 Nagayama 11 Jo, Asahikawa, Hokkaido |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Sapporo โดยสารรถไฟ Limited Express Lilac ลงสถานี Asahikawa ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 25 นาที จากนั้นโดยสารรถยนต์ใช้เวลา 20 นาที |
เวลาทำการ | 11:00 – 20:00 น. |
วันหยุด | ไม่มี |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | http://www.ramenmura.com |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://en.visit-hokkaido.jp/spot/detail.php?id=654&lang=en |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://th.visit-hokkaido.jp/spot/detail.php?id=654&lang=th https://www.jnto.or.th/model-route/self-travel-5-to-7-days/hokkaido/4th-hokkaido/ |
ถนนมงจะแห่งทสึคิชิมะ (Tsukishima Monja Street), โตเกียว (Tokyo)
©︎ Tsukishima Monja Street
ถ้าพูดถึงมงจะยะกิแล้วล่ะก็ต้องนึกถึงถนนมงจะแห่งทสึคิชิมะ (Tsukishima Monja Street) ที่ตั้งอยู่ในเขตทสึคิชิมะ (Tsukishima) จังหวัดโตเกียว เป็นถนนเล็ก ๆ เป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร เรียงรายไปด้วยร้านมงจะยากิกว่า 70 ร้าน บางร้านเปิดให้บริการมาตั้งแต่ยุคโชวะที่ 29 (ค.ศ.1954) แต่ละร้านล้วนมีเอกลักษณ์ทั้งด้านรสชาติ และบรรยากาศภายในร้านที่ชวนให้น่าตระเวนชิม เข้าร้านนี้ ออกร้านนั้นได้อย่างเพลิดเพลิน
มงจะยะกิ (Monjayaki) เป็นอาหารที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประชาชนขาดแคลนอาหารหลังสงคราม เริ่มต้นจากการนำแป้งสาลีมาละลายน้ำ ผสมกับโชยุ หรือน้ำเชื่อมแล้วย่างลงบนกระทะร้อน แต่เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นก็ได้มีการใส่กะหล่ำ และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เช่นเนื้อไก่ เนื้อหมู กุ้ง ปลาหมึก และสามารถเลือกสั่งท้อปปิ้งที่อยากจะมาย่างกินเพิ่ม เช่น ไส้กรอกญี่ปุ่น ชีส โมจิ ไข่ปลาคอด (เมนไทโกะ) ข้าวโพด เส้นโซบะ เส้นอุด้ง ผักต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนผสมของมงจะยะกิดูคล้ายกับเมนูโอโคโนะมิยะกิ แต่ความแตกต่างคือ มงจะยะกิจะทานในขณะที่แป้งยังไม่แข็งตัวมากนัก
การมากินมงจะยะกิ (Monjayaki) โดยส่วนมากจะต้องลงมือทำเอง แต่พนักงานในร้านก็จะคอยดูแล ช่วยเหลือตลอดเวลาการทำ เริ่มต้นจากการผัดน้ำมันบนกระทะร้อนให้เริ่มร้อน ใส่วัตถุดิบที่ผสมแล้วลงไป โดยที่ยังเหลือน้ำแป้งไว้ในชาม ใช้ตะหลิวใหญ่สับ และผัดวัตถุดิบให้เข้ากันพอสุก เมื่อพอสุกแล้วให้ทำเป็นวงกลม เหลือรูไว้ตรงกลางคล้ายโดนัท จากนั้นให้ใส่น้ำแป้งที่เหลือลงไปตรงกลางรู พอน้ำแป้งเดือด และดูเริ่มเหนียวขึ้น ให้คลุกวัตถุดิบทั้งหมดให้เข้ากัน และเกลี่ยให้บางเท่ากันจนเต็มกระทะ แล้วรอให้แป้งด้านล่างกรอบจึงใช้ตะหลิวขนาดเล็กที่เรียกว่า ฮากาชิ ค่อย ๆ ตักให้เนื้อมงจะยะกิติดขึ้นมาบนตะหลิวแล้วทาน หรือจะตักใส่จานก่อนแล้วค่อยใช้ตะเกียบคีบ
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
Tsukishima monja street1F I Mark Tower 1-8-1 Tsukishima Chuo City, Tokyo |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ JR Keihintohoku Line ลงสถานี Yurakucho ใช้เวลา 2 นาที จากนั้นโดยสารรถไฟ Tokyo Metro Yurakucho Line ลงสถานี Tsukishima ใช้เวลา 5 นาที |
เวลาทำการ | 11:00 – 23:00 น. *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
วันหยุด | ไม่มี |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://monja.gr.jp |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.gotokyo.org/en/spot/85/index.html |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.gotokyo.org/th/spot/85/index.html https://www.jnto.or.th/activities/all-around-japan/9-popular-food-area/tsukishima/ |
ถนนอะโอะบะ โอเด้ง (Aoba Oden Street), ชิซุโอกะ (Shizuoka)
ถนนอะโอะบะ โอเด้ง (Aoba Oden Street) เป็นถนนเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยร้านโอเด้ง (Oden) กว่า 19 ร้าน ให้กลิ่นอายย้อนยุคของสมัยโชวะด้วยป้ายไฟพร้อมโคมสีแดงดูเตะตา ตกแต่งทางเดินตามฤดูกาลทำให้บรรยากาศดูครึกครื้น และร้านโอเด้งแต่ละร้านจะสร้างรสชาติความอร่อยเฉพาะตัวขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า
โอเด้ง ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูหนาว ซึ่งนับเป็นอาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นเมนูหม้อไฟ โดยทั่วไปจะใช้วัตถุดิบประเภท หัวไชเท้า หัวบุก ลูกชิ้นปลา เต้าหู้นึ่ง หรือทอด ไข่ต้ม สาหร่ายคอมบุ ผักกาดขาวม้วน ฯลฯ ลงไปต้มในน้ำซุปปลาแห้ง และสาหร่ายคอมบุเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้สีของน้ำซุปมีสีน้ำตาลอ่อน
แต่โอเด้ง (Oden) ของจังหวัดชิซุโอกะจะต่างออกไปด้วยน้ำซุปที่สีเข้มจากโชยุรสเข้มข้น และใส่วัตถุดิบที่ขึ้นชื่อจำพวกเครื่องในหมู เอ็นเนื้อ (Gyusuji) ก้อนบุก (Konnyaku) มันฝรั่งหัวเล็ก ๆ (Jaga imo) ไข่ต้มยางมะตูม (Yude tamago) คินฉะคุ (Kinchaku-ถุงทองที่ทำมาจากเต้าหู้ด้านในมีไส้ต่าง ๆ) และลูกชิ้นปลาฮัมเป็ง (Hanpen ปลาเนื้อขาวบดละเอียดกับมันชนิดหนึ่งแล้วนำไปนึ่ง) ซึ่งเป็นจุดเด่นชวนให้ลิ้มลอง ทานคู่กับผงปลาโอตากแห้งคัตสึโอะบุชิ (Katsuobushi) และสาหร่ายโรยไว้ด้านบน หรือบางร้านจะเพิ่มรสชาติด้วยการจิ้มกับซอสมัสตาด ยิ่งทานคู่กับเหล้าสาเกแล้วยิ่งทำให้ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
Aoba Oden Street2-3-6 Tokiwa cho, Aoi ku, Shizuoka |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Shizuoka เดิน 15 นาที |
เวลาทำการ | 16:30 – 01:00 น. *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
วันหยุด | วันพุธ *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | http://shizuoka.mytabi.net/shizuoka/archives/aoba-odengai.php |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://zekkeijapan.com/spot/index/352/ https://att-japan.net/en/archives/339 https://shizuokagourmet.com/oden-a-shizuoka-specialty/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.facebook.com/shizuokatourism/posts/941776079285550/ https://www.jnto.or.th/newsletter/chubu-food/ |
ย่านชินเซะไก (Shinsekai), โอซาก้า (Osaka)
ย่านชินเซะไก (Shinsekai) เป็นย่านดาวน์ทาวน์ทางตอนใต้ของเมืองโอซาก้า โดดเด่นด้วยป้ายไฟแสงสี และร้านอาหารข้างทางราคาย่อมเยา เรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง มีหอคอยทสึเทนคะคุ (Tsutenkaku Tower) ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ย่านแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยเมจิที่ 36 (ค.ศ.1903) มีหอคอยทสึเทนคะคุ (Tsutenkaku Tower) โรงละคร และโรงภาพยนตร์ ทำให้ครึกครื้นไปด้วยผู้คนมากมาย และย่านแห่งนี้ก็ยังพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาหาของอร่อยทาน และดื่มด่ำกับบรรยากาศสไตล์เรโทร พร้อมกับมาขอพรรูปปั้นบิลลิเคน (Billiken) เทพเจ้าแห่งความโชคดีที่ผู้คนเชื่อว่าหากใครได้ลูบเท้าของบิลลิเคนแล้วจะร่ำรวย
คุชิคัตสึ (Kushikatsu) มีจุดเริ่มต้นในโอซาก้าเมื่อปี ค.ศ. 1929 ซึ่งเป็นเมนูที่นำเอาวัตถุดิบประเภท เนื้อสัตว์ ผัก หั่นพอดีคำมาเสียบไม้แล้วนำมาชุบแป้งทอดด้วยน้ำมัน และทานคู่กับซอสวูสเตอร์ (Worcestershire sauce) ซึ่งวิธีการทานคือไม่นำคุชิคัตสึที่กัดแล้วไปจุ่มซอสรอบที่สอง เพราะว่าซอสที่มีให้เป็นซอสที่ลูกค้าทุกคนใช้ร่วมกัน ดังนั้นจึงจะต้องรักษาสุขอนามัย โดยปกติทุกร้านจะเสิร์ฟคุชิคัตสึพร้อมกับกะหล่ำปลีดิบชิ้นโตไว้ให้ เพื่อช่วยไม่ให้แน่นท้องการจากทานของทอด นอกจากนี้ยังสามารถใช้กะหล่ำปลีตักซอสจากภาชนะมาเพิ่มในจานของคุณได้ด้วย
ซึ่งที่ย่านชินเซะไก (Shinsekai) มีร้านเปิดขายเมนูคุชิคัตสึ (Kushikatsu) กว่า 20 ร้านให้เลือกสรร และในบางร้านจะมีซอสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสามารถไปลิ้มลองความอร่อยได้
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
Shinsekai1 Ebisuhigashi, Naniwa ku, Osaka |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Osaka โดยสารรถไฟ JR Osaka Loop Line ลงสถานี Shinimamiya ใช้เวลา 17 นาที จากนั้นเดิน 5 นาที |
เวลาทำการ | *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
วันหยุด | *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://osaka-info.jp/page/shinsekai |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://osaka-info.jp/en/page/shinsekai https://insideosaka.com/shinsekai-osaka/ https://www.japan.travel/en/spot/36/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://osaka-info.jp/th/page/shinsekai https://www.jnto.or.th/activities/all-around-japan/9-popular-food-area/shinsekai/ |
ย่านโอโคโนะมิมุระ (Okonomi Mura), ฮิโรชิมะ (Hiroshima)
ย่านชินเท็นจิ (Shintenchi) แห่งนี้ในสมัยก่อนเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองฮิโรชิมะ (Hiroshima) ที่ครึกครื้นไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านแผงลอยกว่า 50 ร้าน และเน้นขายโอโคโนะมิยะกิเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งได้รับความนิยมมากจนกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อประจำเมืองฮิโรชิมะ และได้รับขนานนามว่าเป็น หมู่บ้านแห่งโอโคโนะมิยะกิ ตั้งแต่ช่วงยุคหลังสงครามเป็นต้นมา
โอโคโนะมิมุระ (Okonomimura) หรือ หมู่บ้านโอโคโนะมิยะกิ (Okonomiyaki) เป็นการรวมตัวกันของร้านโอโคโนะมิยะกิสไตล์ฮิโรชิมะ (Hiroshima) ชื่อดังในท้องถิ่นทั้งหมด 27 ร้านมาอยู่ในตึกเดียวกัน ภายในอาคารจะขายแต่โอโคโนะมิยะกิเท่านั้น แต่ละร้านก็จะมีสูตร และเครื่องที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนับเป็นแดนสวรรค์แห่งโอโคโนะมิยะกิสไตล์ฮิโรชิมะ (Hiroshima) อย่างแท้จริง
โอโคโนะมิยะกิสไตล์ฮิโรชิมะ (Hiroshima) นั้น มีวิธีการทำคือ เริ่มด้วยการเทแป้งที่ผสมกับน้ำเปล่าจนเนียนลงบนเตาเป็นแผ่นบางๆ แล้วจึงใส่กะหล่ำปลีหั่นฝอย ถั่วงอก เศษแป้งกรอบเทมปุระ (เทงคะสุ) เนื้อหมู ซ้อนกันเป็นชั้น และย่างทิ้งไว้ (บางเมนูอาจใส่กุ้งและ/หรือปลาหมึกแทนเนื้อหมู) หลังจากนั้น เทแป้งที่ผสมไว้แล้วที่เรียกว่า “สึนางิ” ราดบนสุดก่อนกลับข้าง (สึนางิใช้เพื่อให้วัตถุดิบยึดเกาะติดกัน) ระหว่างย่างโอโคโนะมิยะกิที่เพิ่งพลิกกลับข้าง ให้เริ่มผัดเส้นโซบะ (หรือเส้นอุด้ง) แล้วนำโอโคโนะมิยะกิที่ย่างทิ้งไว้วางทับบนเส้นบะหมี่ที่ผัด และใช้ตะหลิวกดลงบนตัวแผ่นโอโคโนะมิยะกิ สุดท้ายนำโอโคโนะมิยะกิพร้อมเส้นบะหมี่ผัดวางทับบนไข่ที่ย่างไว้ แล้วพลิกกลับด้านอีกรอบ ราดซอสพร้อมโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ผงสาหร่ายเขียว (อาโอโนริ) ฯลฯ หลังจากได้ชิมแล้ว หากรสชาติอร่อยก็อย่าลืมหันไปบอกคนที่ร้านเป็นภาษาถิ่นฮิโรชิมะ (Hiroshima) ว่า “บะริอุมะจะเค็ง! (Bari-uma-jaken )” ซึ่งแปลว่าอร่อยมากด้วย
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
Okonomi Mura5-13 Shintenchi, Naka ku, Hiroshima |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Hiroshima โดยสารรถไฟ Hiroshima Electric Railway ลงสถานี Hatchobori ใช้เวลา 10 นาที จากนั้นเดินต่อ 3 นาที |
เวลาทำการ | 11:00 – 21:00 น. *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
วันหยุด | *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | http://www.okonomimura.jp |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | http://www.okonomimura.jp/foreign/english.html https://visithiroshima.net/plan_your_trip/tour_plans/okonomiyaki.html |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.jnto.or.th/newsletter/okonomiyaki/ |
ย่านยะไตมุระ แห่งถนนโคะคุไซโดริ (Kokusai Dori Yatai Mura), โอกินาวะ (Okinawa)
©︎ Yatai Mura
©︎ Yatai Mura
ย่านยะไตมุระ แห่งถนนโคะคุไซโดริ (Kokusai Dori Yatai Mura) นี้ เป็นศูนย์รวมของอร่อยของโอกินาวะที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีโคมไฟประดับดูครึกครื้น ตั้งอยู่บนถนนโคะคุไซโดริ (Kokusaidori) ในเมืองนาฮะ (Naha) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015
ภายในตรอกเล็ก ๆ แห่งนี้อัดแน่นไปด้วยร้านอาหารริมทางกว่า 21 ร้าน แต่ละร้านโดดเด่นด้วยเมนูท้องถิ่นที่ใช้วัตถุดิบของเกาะ มีตั้งแต่อาหารประเภทกับแกล้มไปจนอาหารจานหนักเช่น นาเบะสไตล์โอกินาวะ ซูชิ โซกิโซบะ (Soki Soba) ผัดมะระโกยะ จัมปุรุ (Goya champuru) หมู่ตุ๋นราฟุเต (Rafute) โอเด้งขาหมูเทบิจิ (Tebichi) สาหร่ายพวงองุ่น (Umibudo) เป็นต้น นอกจากร้านอาหารแล้ว ภายในย่านแห่งนี้ยังมีเวทีเล็ก ๆ สำหรับการแสดงของคนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเต้นระบำ หรือการแสดงดนตรีพื้นเมือง ให้สำหรับนักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน และใกล้ชิดกับวัฒนธรรมของโอกินาวะระหว่างทานอาหาร
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
Kokusaidori Yatai mura3-11-16, 17 Makishi, Naha, Okinawa |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Naha Airport โดยสารรถไฟ Okinawa Monorail (Yui Rail) ลงสถานี Makishi ใช้เวลา 16 นาที จากนั้นเดินต่อ 4 นาที |
เวลาทำการ | 11:00 – 23:00 น. *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
วันหยุด | *ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.okinawa-yatai.jp |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.oki-islandguide.com/newslist/new-dining-spot-kokusai-dori-yataimura https://www.okinawatraveler.net/en/shop/367 |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.visitokinawa.jp/wp-content/uploads/2017/09/beyond-the-sea-okinawa-for-thai-2017.pdf |
[ เพจที่เกี่ยวข้อง ]
- อร่อยสดใหม่ ที่ตลาดปลาและท่าเรือประมง
- เที่ยวชิมสุดยอดอาหารทะเลในญี่ปุ่น
- สุดยอดเนื้อวะกิว (Wagyu Beef) ของญี่ปุ่น
- สัมผัสศิลปะและวัฒนธรรมด้วยพิธีชงชาแบบญี่ปุ่น
- 7 ข้าวกล่องบนรถไฟ ยอดนิยมที่ต้องลิ้มลอง
- โรงบ่มไวน์ชั้นนำที่น่าไปเยือนในญี่ปุ่น
- แนะนำแหล่งตระเวนกินของอร่อยในโตเกียว!
- อาหารที่ห้ามพลาดเมื่อมาเดินฟู้ดสตรีทที่ย่านโดทงโบริ (Dotonburi) และนัมบะ (Namba) โอซาก้า (Osaka)
- อาหารท้องถิ่นของภูมิภาคต่างๆ
- 9 แหล่งอร่อย อาหารรสเลิศเอาใจนักชิม
ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2020